วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

software



 หลักการเลือกซื้อซอฟต์แวร์

เนื่องจากในปัจจุบันซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มีมาให้เลือกใช้อย่างมากมาย มีราคาที่ค่อนข้างสูง หากเราต้องการที่จะได้มาใช้งานจริง ๆ นั้นจะต้องพิจารณาถึงรายละเอียดต่าง ๆ ด้วยว่าเหมาะสมกับลักษณะงานหรือไม่ เช่น บางโปรแกรมมีการออกแบบมาให้ใช้งานหลายส่วน ซึ่งหากนำมาใช้ในธุรกิจ ของคุณแล้ว ค่อนข้างที่จะมากเกินความจำเป็นก็ไม่น่าใช้งาน 

ข้อควรพิจารณาสำหรับการเลือกซอฟต์แวร์เพื่อใช้งาน
 

1 มีซอฟต์แวร์ทดลองใช้งานหรือไม่
ถือเป็นอันดับแรกในการเลือกซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานกับ ธุรกิจ เนื่องจากการได้ทดลองใช้งานถือเป็นทางเลือก ในการทดสอบและทดลองซอฟต์แวร์ ว่าเหมาะกับธุรกิจหรือไม่ อีกประการคือถือเป็นการตรวจสอบซอฟต์แวร์ ของผู้ผลิตด้วยว่าใช้งานได้จริงตามที่โฆษณาไว้หรือไม่ ถ้าหากดีจริงก็ค่อยซื้อมาใช้งาน

2 พิจารณาถึงประวัติของบริษัทในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์
สำหรับการพิจารณาในจุดนี้ก็เพื่อที่จะเป็นการการันตีว่า เมื่อเราซื้อสินค้าของบริษัทนี้แล้วจะได้รับการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มี
ความสามารถใหม่ ๆ ทันยุคของโลกปัจจุบันเสมอ เนื่องจากทุกวันนี้เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก

3 พิจารณาถึงระบบปฏิบัติการที่ใช้งานร่วม
โดยส่วนใหญ่เรามักทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการเป็น Windows หากซอฟต์แวร์ตัวใดที่มีการทำงาน
บนระบบดอส ซึ่งถือว่าล้าหลังมากก็ไม่ควรที่จะซื้อหามาใช้งานเพราะไม่รองรับกับ เทคโนโลยีที่จะมีมาในอนาคตนั่นเอง โดยเล่ห์เหลี่ยมของผู้ขายซอฟต์แวร์มักจะบอกว่าใช้ได้ทั้งดอส และ Windows แต่ปรากฏว่าเมื่อใช้งานจริงใช้ได้ เฉพาะระบบดอสข้อนี้จึงควรระวังก่อนการเลือกใช้

4 พิจารณาถึงบริการหลังการขาย
การพิจารณาบริการหลังการขาย ถือเป็นจุดสำคัญในการเลือกซอฟต์แวร์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการทำงานบางอย่างของระบบ อาจเกิดข้อผิดพลาดเมื่อใช้งานนานวันเข้า สำหรับการทดสอบในจุดนี้ก็ทำได้ไม่ยาก ก่อนอื่นควรที่จะดูบริการก่อนการซื้อก่อนว่ามีการให้คำปรึกษา เป็นอย่างไร โทรเข้าไปสอบถาม หรือเข้าไปที่บริษัทแล้วได้รับ การต้อนรับอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงของการทดลองใช้ โปรแกรมหากขอรับความรู้หรือขอทราบการแก้ไขปัญหาแล้วได้รับการ แก้ไขหรือตอบรับ ที่ดีก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุด ที่ชี้วัดต่อการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทนั้น ๆ

5 คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย
โดยส่วนใหญ่ซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาในปัจจุบันจะเขียนในลักษณะที่ค่อนข้างครอบคลุมหลายธุรกิจให้สามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับการทำงานในแต่ละส่วน แต่ละกิจการ จึงควรศึกษาถึงส่วนประกอบต่าง ๆ ว่าในหน่วยงานมีการใช้งานหรือไม่ ส่วนใดที่สามารถปรับเปลี่ยน แก้ไขได้หรือไม่ได้จะได้เป็น การลดส่วน ที่ไม่จำเป็นออกไปและค่อนข้างประหยัดงบประมาณลงไปอีก